ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัฐพล แสงระยับ สำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร ได้ดำเนินโครงการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาแผนที่องค์ประกอบทางเคมีและลักษณะเฉพาะทางกลิ่นรสของเมล็ดกาแฟอะราบิกาที่ปลูกในภาคเหนือตอนบนของไทย” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ภายใต้ Fundamental Fund ประจำปีงบประมาณ 2565 ผลการประเมิน Social Return on Investment (SROI) พบว่าโครงการมีอัตราส่วนผลตอบแทนทางสังคม (BCR:SROI) สูงถึง 3.51 หมายความว่าการลงทุนทุก 1 บาท สามารถสร้างคุณค่ากลับคืนทางเศรษฐกิจและสังคมได้กว่า 3.5 บาท อีกทั้งยังมีอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) อยู่ที่ 64% แสดงถึงความคุ้มค่าและศักยภาพของงานวิจัยในการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคมและเศรษฐกิจ
นอกจากการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาการแล้ว งานวิจัยยังได้จัดทำฐานข้อมูลเชิงดิจิทัลและ Web Application (https://iate-coffee.com
) เพื่อรวบรวมคุณลักษณะเฉพาะของกาแฟแต่ละแหล่งปลูกและกระบวนการแปรรูป ข้อมูลดังกล่าวช่วยให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อถือได้และสามารถนำไปใช้ประโยชน์จริงในเชิงพาณิชย์
ทีมวิจัยยังได้ลงพื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกรและสหกรณ์กาแฟในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ และน่าน ผ่านกิจกรรมบรรยายและฝึกปฏิบัติ ทั้งด้านการประเมินคุณภาพเมล็ดกาแฟ การเลือกวิธีแปรรูป (Washed, Honey, Natural) การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว และการประเมินคุณภาพตามมาตรฐาน SCAA (cupping test) ทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิตและยกระดับมาตรฐานกาแฟไทยสู่ระดับสากล
ในด้านนวัตกรรม งานวิจัยได้พัฒนาเทคนิคการวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดกาแฟแบบไม่ทำลาย (ATR-FTIR ร่วมกับ Machine Learning) ที่สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดต้นทุนและเวลาในการตรวจสอบ และมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในสหกรณ์หรือโรงคั่วกาแฟ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก
ผลลัพธ์ของโครงการนี้ไม่เพียงหยุดอยู่ในห้องปฏิบัติการ แต่ยังส่งผลจริงต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และผู้กำหนดนโยบาย เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดกาแฟพิเศษ ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพและความโปร่งใสของกาแฟไทย ขณะที่หน่วยงานรัฐสามารถใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟไทยสู่ตลาดพรีเมียม
ค่า SROI ที่สูงถึง 3.51 สะท้อนว่าโครงการนี้ไม่เพียงคุ้มค่าต่อการลงทุน แต่ยังสร้างรากฐานเพื่อการพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่ต่อยอดได้จริง ทั้งในด้านการรับรองแหล่งผลิต (Origin Certification) การพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟชนิดพิเศษ และการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันกาแฟไทยให้ก้าวสู่เวทีโลกอย่างมั่นคงในอนาคต
งานวิจัยนี้ยังสอดคล้องกับนโยบาย BCG Economy ของประเทศ ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรท้องถิ่นและการผลิตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะ SDG 8 การจ้างงานและเศรษฐกิจท้องถิ่น และ SDG 12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน